Powered by Spearhead Software Labs Joomla Facebook Like Button

newscms thaihealth c defjlmntuvx1

เหตุผลที่วัยรุ่นควรวางมือถือแล้วลุกขึ้นมาก้าวเดิน

1.ง่ายทำได้ด้วยตัวเอง

2.แข็งแรงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์

3.สุขภาพดี ตังค์อยู่ครบ

4.ใช้แรงน้อยเผาผลาญได้เลิศสุดๆ

5.ปลอดภัยไร้กังวล

6.ได้ สามแข็ง คือ

- สมรรถภาพร่างกายแข็งแรง

- กระดูกแข็งแรง

- กล้ามเนื้อแข็งแรง

7. ได้ สามดี  คือ

-ควบคุมน้ำหนักดี

-หุ่นดี

-ผิวพรรณดี

8.ลดความเครียด เสริมอารมณ์เบิกบาน

9.ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา

 

ที่มา: หนังสือเดินศาสตร์

โดย: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.

สาระสุขภาพเกร็ดความรู้สุขภาพ.thaihealthสร้างสุขสสส.สาระสุขภาพสุขภาพสุขภาวะ 

newscms thaihealth c eklnpuxy2389

     ทุกคนต่างรู้ดีว่า “ออกกำลังกาย” ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย แต่พอตัดสินใจจะออกกำลังกาย ก็ดันมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราเผลอลืมไป เช่น งานเยอะ ตื่นสาย ไม่มีเวลา ขี้เกียจ เบื่อ เหนื่อย เมื่อย ทำให้เราไม่ได้ออกกำลังกายเสียที นานๆ เข้าพุงก็ใหญ่ขึ้น ตัวก็อ้วน และเริ่มเจ็บป่วย

      เอ๊ะ...นั้นเพราะใครล่ะ หรือเพราะตัวเราเองที่ไม่ตั้งใจอย่างจริงจัง เอาแต่อ้างนู้นอ้างนี่ เราถึงอ้วนขึ้นทุกที

     ลองกลับมาอยู่กับตัวเอง ว่าอารมณ์ขี้เกียจของเรา ส่งผลให้เราไม่ออกกำลังกายใช่ไหม แล้วอาหารที่เราขยันกิน ก็ทำให้เรายิ่งอ้วนใช่ไหม ถ้ารู้แบบนั้นแล้วยังทำไม่ได้ลองเดินไปที่หน้ากระจก สำรวจรูปร่างตัวเอง เห็นแล้วพอใจไหม เวลาออกไปข้างนอกมีคนมองเราคิดว่าเขาคิดอย่างไร

      ถ้าเรายังไม่พอใจ ถ้าเราคิดว่าคนอื่นมองว่าเราอ้วน เพราะหน้าท้องยื่นๆ แขนอวบๆ ขาใหญ่ๆ บอกตัวเองว่าเราจะไม่ทนอีกต่อไป ทนเหนื่อยจากการออกกำลังกาย ยังดีเสียกว่าต้องทนทรมานกับสารพัดโรคที่พร้อมจะรุมเร้า พร้อมนึกภาพรางวัลหลังการออกกำลังกาย

- พุงกลมๆ หายไป เหลือแต่หน้าท้องแบนราบ

- คนอ้วนหายไป กลายเป็นคนหุ่นเพรียว

- อาการเดินหอบๆ หายไป จะเดินเหินก็คล่องตัว

- นั่งออฟฟิศนานๆ ไม่ปวดเมื่อยตัว

- ไม่เสี่ยงต่อโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจตีบ

     พร้อมท่องจำกับตัวเองว่า ฉันจะดูดี ฉันจะสุขภาพแข็งแรง จนเป็นต้นแบบให้ใครอีกหลายคน

    อนาคตข้างหน้าดีขนาดนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้า คว้ารองเท้าผ้าใบออกไปวิ่งกันเถอะ

 

ที่มา : หนังสือชีวิตใหม่ไร้พุง : How to สลายน้ำหนักด้วยหลัก 3อ. จากศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

สาระสุขภาพเกร็ดความรู้สุขภาพthaihealthสร้างสุขสสส.สาระสุขภาพสุขภาพสุขภาวะ 

newscms thaihealth c adflopvy1368

นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า กิจกรรมบำบัดเป็นสาขาหนึ่งของการฟื้นฟูทางการแพทย์ เน้นใช้กิจกรรมเป็นสื่อเพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีข้อจำกัด หรือเจ็บป่วยทางร่างกายบกพร่องทางพัฒนาการหรือการเรียนรู้ โดยสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ได้นำกิจกรรมบำบัดมาเป็นสื่อในการฟื้นฟูผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว เช่น ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก ผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ ผู้ที่มีปัญหาทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ระบบกระดูก ระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยเด็กประเภทต่าง ๆ  เช่น เด็กกลุ่มอาการออทิสติก ดาวน์ซินโดรม สมองพิการ เด็กที่พัฒนาการต่ำกว่าวัย เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้ ในรูปแบบการส่งเสริม ป้องกัน บำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยนำกิจกรรมและอุปกรณ์ที่เหมาะสม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบำบัด ตลอดจน ให้คำปรึกษาแก่ผู้มารับบริการ ญาติ หรือผู้เกี่ยวข้อง

นายแพทย์ศักรินทร์  วงศ์เลิศศิริ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ทางการแพทย์แห่งชาติ
  เปิดเผยว่า การให้บริการทางด้านกิจกรรมบำบัดจะมีการตรวจประเมิน วางแผนการฟื้นฟู โดยคำนึงถึงปัญหาและสภาพร่างกายของผู้รับบริการแต่ละคนเป็นหลัก ประกอบด้วย การบำบัด ฟื้นฟูสมรรถภาพให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ส่งเสริมความสามารถด้านสติปัญญา การเรียนรู้ การรับรู้ รวมถึงการสอนและฝึกทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการปรับสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้รับบริการ การป้องกันความพิการและส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชน โดยมีแนวทางการรักษาเพื่อกระตุ้นพัฒนาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น การใช้ตาและมือ การชันคอ การทรงตัว กระตุ้นความสามารถด้านการดูด เคี้ยว กลืน และออกเสียง เพื่อเตรียมความพร้อมในการพูด และส่งเสริมทักษะ   ทางสังคมและการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม

งานกิจกรรมบำบัด ให้การฟื้นฟูแก่ผู้ป่วย คนพิการอย่างมีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐานวิชาชีพ ด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เปิดให้บริการ ณ อาคารกิจกรรมบำบัด ชั้น 1 สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.snmri.go.th

newscms thaihealth c dilmsuvwx267

 

แพทย์เตือนกลุ่มเสี่ยง 4F “ผู้หญิง-อ้วน-วัย40อัพ-กินแล้วจุกแน่นบ่อย”ระวังเสี่ยงเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ภัยเงียบคุกคามคุณภาพชีวิตของหญิงวัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว แนะสังเกตอาการจุกแน่นชายโครงขวาและลิ้นปี่บ่อยหลังอาหาร อย่าคิดว่าแค่โรคกระเพาะอาจเป็นสัญญาณเตือนอันตราย ควรรีบพบแพทย์

นพ.ทวี รัตนชูเอก แพทย์ทรงคุณวุฒิ หน่วยส่องกล้องทางเดินอาหารศัลยศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการใดๆ เกิดขี้นอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยในประเทศไทยร้อยละ 5-10 ของประชากร เป็นโรคที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่วพบมากใน 4 กลุ่มเสี่ยง 4F คือ 1)พบมากในผู้หญิง(Female) มากกว่าเพศชายประมาณ 2-3 เท่า 2) พบมากในวัย 40 ปีขึ้นไป (Forty) หรือวัยกลางคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ 3)พบมากในคนอ้วน(Fatty) การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงทำให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในถุงน้ำดีมากเกินไปและ 4)พบมากในผู้ที่มีอาการจุกแน่นบ่อยๆหลังรับประทานอาหารไขมันสูง(Fat Intolerance) และมีอาการปวดท้องบ่อยๆ หลังรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยโรคทาลัสซีเมีย ก็สามารถเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน

นิ่วในถุงน้ำดีหากไม่รีบรักษา จะทำให้นิ่วที่อยู่ในถุงน้ำดี ตกไปในท่อน้ำดี กลายเป็นนิ่วในท่อน้ำดี มีความยุ่งยากแก่ในรักษา และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต นิ่วในถุงน้ำดีมีสาเหตุมาจากการตกตะกอนของคอเลสเตอรอล เกลือแร่ และโปรตีนที่ไม่สมดุลในน้ำดี อาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี คือ จุกแน่น บริเวณชายโครงขวา และลิ้นปี่ ลักษณะการจุกแน่นนี้ ให้พึงระวังไว้ก่อนว่าไม่ใช่โรคกระเพาะอาหาร แต่อาจเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเพราะตับและถุงน้ำดีจะอยู่ใต้ชายโครงขวา ส่วนใหญ่จะเกิดหลังจากรับประทานอาหารประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะอาหารไขมันสูง และอาจมีเพิ่มอาการเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ไม่ดีขึ้นด้วยการรับประทานยาลดกรด ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ซึ่งแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้โดยการตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน

“อย่างไรก็ตาม ปัญหาของผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีก็คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ใส่ใจไปตรวจ เพราะยังมีความเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร ก็ไปซื้อยาลดกรดหรือยารักษาโรคกระเพาะมารับประทานเอง เมื่อมาพบแพทย์ก็อักเสบและมีอาการรุนแรงมากแล้ว จนก้อนนิ่วตกไปในท่อน้ำดีแล้ว ซึ่งจะทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น รวมถึงสูญเสียเงินทองในการรักษามากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงวัยทำงานที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ดังนั้น ผู้ป่วยจะต้องรู้จักสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง และเฝ้าระวังอาการอย่างระมัดระวัง ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ควรได้รับการตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบนอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่มีอาการก็ตาม”นพ.ทวี กล่าว และเสริมว่า

การรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาไปมาก จากการผ่าตัดใหญ่ในอดีตที่จะต้องเปิดแผลหน้าท้องใต้ชายโครงขวาประมาณ 1 คืบ แล้วตัดถุงน้ำดีออกไป ใช้เวลาพักฟื้นนาน 7-10 วัน มาเป็นการผ่าตัดส่องกล้อง ที่มีความสะดวก และแผลเล็กจนแทบมองไม่เห็น ใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วันก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว นอกจากนี้ก่อนการผ่าตัดแพทย์จะทำการตรวจการทำงานของตับด้วยว่ามีการทำงานที่ผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากแพทย์อาจสงสัยได้ว่าผู้ที่มารักษานิ่วในถุงน้ำดี อาจมีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย จะได้ทำการผ่าตัดออกภายในครั้งเดียว ซึ่งพบว่าร้อยละ 10 ของผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีจะมีนิ่วในท่อน้ำดีด้วย สำหรับการดูแลตัวเองหลังการรักษา ควรรับประทานอาหารอ่อน งดอาหารที่มีไขมัน 3-4 สัปดาห์ ลดการทำกิจกรรมที่หักโหมทางร่างกาย และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และงดการสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดต่างๆ เพราะเมื่อไม่มีถุงน้ำดีแล้ว จะส่งผลให้ระบบการย่อยไขมันบกพร่องลงไปด้วย

ทั้งนี้ หน่วยส่องกล้องทางเดินอาหารศัลยศาสตร์ กลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี ประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา ที่สามารถทำการผ่าตัดที่ยากที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญขั้นสูง เช่น การผ่าตัดนิ่วในท่อน้ำดีขนาดใหญ่ด้วยเลเซอร์ และ การวินิจฉัยมะเร็งในท่อน้ำดีด้วยการส่องกล้องภายในท่อน้ำดีอีกทั้งยังเป็นสถาบันฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางของกระทรวงสาธารณสุข เปิดดำเนินการมากว่า20 ปี ผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ทางเดินอาหารและเป็นพี่เลี้ยงให้แก่โรงพยาบาลส่วนภูมิภาค และโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ ไปช่วยดูแลสุขภาพประชาชนไทยทั่วประเทศมาอย่างยาวนาน

newscms thaihealth c aegiprty5789

          นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึง ปรากฏการณ์กระแสการให้กำลังใจ “ตูน บอดี้สแลม” และทีมนักวิ่ง ในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เบตง – แม่สาย 2,191 กิโลเมตร ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราเห็นมุมดีๆ ที่ช่วยสร้างความสุขให้กับชีวิตได้ ได้แก่ 1. การรวมพลังทำความดีด้วยใจ รู้จักให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ที่นอกจากเงินบริจาคแล้ว ยังจะเห็นถึงน้ำใจของคนไทยด้วยกัน ตลอดจนการไม่ฉกฉวยผลประโยชน์จากโครงการ ซึ่งเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความสุขทางใจให้เกิดขึ้นได้ 2. การมองตนเองว่ามีค่า เห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่น ชื่นชม ให้กำลังใจกันและกัน จะช่วยให้มีกำลังใจและมีพลังในการใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ชีวิตมีความสุข และยังช่วยลดความเครียดลงได้ 3. การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความหวัง ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่ดีที่ชัดเจนจะเป็นแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จ ขณะที่ ความหวังถือเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจคนเรา จะช่วยทำให้เกิดความมุมานะ ความเพียรพยายามให้เกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องอยู่กับความยากลำบากเพียงใดก็ตาม 4. การสร้างกำลังใจจากคนใกล้ตัว เช่น คนรัก คนในครอบครัว กลุ่มเพื่อนฝูง กลุ่มแฟนคลับ เป็นต้น เหล่านี้ทำให้รู้สึกถึงความเป็นพวกพ้อง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยให้สามารถก้าวผ่านปัญหาต่างๆได้ ตลอดจนจะยิ่งทำให้มีความเข้มแข็ง และไม่ย่อท้อต่อการก้าวไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ 5. การออกกำลังกาย ช่วยให้สมองหลั่งสารสร้างความสุข ทำให้อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด จิตใจร่าเริงแจ่มใสมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ทำให้คนที่อยู่รอบข้างพลอยมีความสุขและมีกำลังใจที่ดีในการใช้ชีวิตต่อไป

          “ทั้งหมดนี้ หากเราทุกคนลองนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การทำความดี ดังพระราชปณิธานของในหลวง รัชกาลที่ 9 รวมทั้ง การเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น การชื่นชม ให้กำลังใจ มีเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับชีวิตและมีความหวัง รู้จักสร้างกำลังใจ ตลอดจนการออกกำลังกาย มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใส ย่อมช่วยให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง” นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าว

          ด้าน พญ.วิรัลพัชร กิตติธะระพันธุ์ รอง ผอ.สำนักบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า ปรากฏการณ์นี้ ยังได้สะท้อนถึง บุคคลต้นแบบ หรือ ไอดอล (Idol) ที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ที่แสดงถึงความเสียสละทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะบุคลากรทางการแพทย์เพียงเท่านั้น เหล่านี้ช่วยสร้างการจดจำที่ดี เกิดเป็นภาพในใจให้กับเด็กและเยาวชน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบหรือทำตามในสิ่งดีๆ ขึ้นได้ ดังเห็นได้จากการที่เด็กๆ นำเงินจากกระปุกออมสินมาร่วมบริจาค หรือแม้แต่ผู้ที่รู้สึกซึมเศร้า ก็สามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อ เพราะเห็นคุณค่าของตัวเองในการทำความดีเพื่อผู้อื่น โดยมีแรงบันดาลใจจากการเห็นแบบอย่างการทำความดี พวกเขาเรียนรู้ว่าทุกคนทำความดีได้แม้ไม่มีสตางค์ การมีต้นแบบที่ดีจึงมีความสำคัญกับเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก เพราะวัยนี้เป็นวัยที่แสวงหาต้นแบบ ต้องการการยอมรับจากเพื่อนและสังคม บุคคลต้นแบบของพวกเขา จะเป็นคนรอบข้าง เช่น พ่อแม่ ดารา หรือนักร้องที่ชื่นชอบ ถ้าบุคคลต้นแบบมีการสื่อสารในทางที่ดี สื่อสารเชิงบวก ประพฤติตัวในทางที่ดี ทำความดี เมื่อเด็กและเยาวชนเลือกรับแต่สิ่งที่ดี จากต้นแบบที่ดี ย่อมก่อให้เกิดบรรทัดฐานของสังคมที่ดีที่สามารถขยายวงกว้างออกไป เป็นสังคมที่มีแต่สิ่งดีๆ มีพฤติกรรมที่ดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือกันและกัน ซึ่งพวกเขาจะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศที่จะช่วยสร้างสังคม สร้างชาติให้ดีขึ้นได้ ดังสำนวน “คบเด็ก สร้างชาติ”