Powered by Spearhead Software Labs Joomla Facebook Like Button

newscms thaihealth c dijkmstvw369

ข้อดีของการบริจาคเลือด ที่หลายคนยังไม่รู้ โดยข้อมูลทางสภากาชาดระบุเอาไว้น่าสนใจถึงข้อดีใจการบริจาคเลือดว่า

1. ร่างกายแข็งแรง หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าสุขภาพโดยรวมของผู้บริจาคเลือดดีกว่าคนที่ไม่เคยบริจาคเลือดเลย เลือดที่เสียไปจะไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายของเรา แต่ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และร่างกายแข็งแรง

2. ผิวดี หน้าใส ออร่าเปล่งประกาย สาวๆ หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆ ว่า ถ้าเราไปบริจาคเลือดแล้วต้องอ้วนขึ้น แต่จริงๆ แล้วการบริจาคเลือดกลับทำให้ผู้บริจาคมีรูปร่างที่ดีขึ้น หุ่นเพรียมขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และยังช่วยให้หน้าใส เปล่งประกายได้อีกด้วย

3. ห่างไกลมะเร็ง ผลการศึกษาพบว่า ผู้บริจาคเลือดมีแนวโน้มจะอายุยืน ห่างไกลจากโรคต่างๆ มากกว่าผู้ที่ไม่บริจาคเลือด นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งคอหอย

4. การบริจาคเลือดจะทำให้ผู้บริจาคมีจิตใจดี ความรู้สึกที่ดี ความรู้สึกเป็นผู้ให้ ได้ทำทาน ได้ช่วยชีวิตผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่ง เป็นการต่อชีวิตที่ส่งผลให้หลายคนมีชีวิตรอดปลอดภัย

23 กุมภาพันธ์ 2561 - ศูนย์การเรียนรู้ สสส.

newscms thaihealth c adfhjnqrvw57

ควันของบุหรี่ ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น นิโคติน, น้ำมันดิน, แอมโมเนีย, แคดเมี่ยมและก๊าซคาร์บอนโมน็อกไซด์ ฯลฯ

พิษที่มีอยู่ในบุหรี่

นิโคติน เป็นส่วนประกอบที่ทำให้มีการติดบุหรี่ เมื่อเลิกสูบบุหรี่จะก่อให้เกิดอาการผิดปกติได้ระยะหนึ่ง ทั้งนี้เพราะสารนิโคติน ไปกระตุ้นหรือไปกดประสาทก็ได้ อาการที่เกิดขึ้นมากน้อยแล้วแต่จำนวนและระยะเวลาที่สูบบุหรี่

สารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น สารพวกเบ๊นซไพรีน พบได้ในส่วนที่เป็นน้ำมันดินของควันบุหรี่ สารพวกนี้ได้เคยมีการทดลองนำไปสัมผัสกับผิวหนังหรือทางเดินลมหายใจของสัตว์ทดลอง ก็ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ สารเคมีพวกอื่นที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินลมหายใจ สารเหล่านี้เมื่อเข้าไปในหลอดลมเป็นต้นเหตุทำให้มีการหลั่งเอาน้ำเมือกหรือมิวคัส ออกมาจากเนื้อเยื่อที่บุหลอดลม ทำให้หลอดลมหดรัดตัวและมีขนาดเล็กลง นอกจากนั้น ยังทำให้คุณสมบัติในการขับถ่ายสิ่งแปลกปลอมออกจากหลอดลมเสื่อมลง การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ อาจทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หรือโรคมะเร็งของปอดได้

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นส่วนประกอบร้อยละ 1-5 ของควันบุหรี่ สารฮีโมโกลบิน ในเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ มีหน้าที่สำคัญในการรับเอาก๊าซอ๊อกซิเจน (อากาศดี) ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย สารฮีโมโกลบินนี้จะรับก๊าซคาร์บอนโมน็อกไซด์ได้ดีด้วย ในคนสูบบุหรี่จึงทำให้สารฮีโมโกลบินรับก๊าซอ๊อกซิเจนน้อยลง ทำให้ร่างกายขาดอ๊อกซิเจน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นจะพบว่า คนที่สูบบุหรี่มีสมรรถภาพในการออกกำลังกายน้อยลงก๊าซคาร์บอนโมน็อกไซด์ยังเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคของหลอดเลือด ตัวอย่างเช่น โรคหลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบตัน เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นว่า คนที่สูบบุหรี่อาจมีอาการเจ็บหน้าอกเวลาออกแรง นอกจากนั้นแล้วยังอาจทำให้เกิดการผิดปกติเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ด้วย

22 กุมภาพันธ์ 2561 - ศูนย์การเรียนรู้ สสส.

newscms thaihealth c ahloqrsuz279

เมื่อขาดสารอาหารอะไรจะเกิดขึ้น” ในหัวข้อ การขาดโปรตีนและพลังงาน ทำไมถึงโลหิตจาง ตาบอดจากการขาดวิตามินเอ แล้วทำไมถึงเป็นโรคเหน็บชา โรคคอพอก ปากนกกระจอก และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ                                       

โรคเหน็บชา

โรคเหน็บชาพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ เด็ก และคนแก่ สาเหตุเพราะขาดวิตามินบีหนึ่ง วิตามินนี้มีมากในข้าวซ้อมมือ แต่ปัจจุบันคนหันมานิยมกินข้าวขาวกันมาก ส่วนดีๆที่อยู่ที่ผิวข้าวก็จะไปอยู่ในรำซึ่งเป็นอาหารหลักของหมู ก็เลยทำให้เนื้อหมูมีวิตามินบีหนึ่งมาก นอกจากนี้วิตามินบีหนึ่งก็ยังมีมากในถั่วต่างๆ

คนซึ่งกินข้าวกับเกลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหญิงตั้งครรภ์ แม่ที่คลอดลูกใหม่ๆจะทำให้เป็นโรคเหน็บชาได้ คนสูงอายุที่เจ็บป่วย อดอาหารมากๆ กินข้าวกินปลาไม่ลง กินแต่ซีอิ๊ว จะทำให้เป็นเหน็บชา หรือพวกที่อยากลดน้ำหนัก อดอาหารดีๆ ไม่กินถั่ว ไม่กินเนื้อ ระวังจะเป็นเหน็บชา หรือคนที่กินเหล้าโดยไม่มีกับแกล้ม (ไม่กินอาหารเลย ดื่มเหล้าอย่างเดียว) ในที่สุดเหน็บชาก็จะถามหาแน่นอน โดยจะมีอาการชาตามมือและขาทั้งสองข้าง พอชามากๆ ปลายประสาทก็เสื่อม เวลานั่งยองๆจะลุกไม่ขึ้น กล้ามเนื้อไม่มีแรง

โรคเหน็บชาที่พบในเด็ก อย่างเช่น เด็กที่ทำงานในโรงงานต่างๆ อาหารที่ได้รับเป็นประจำก็คือ ข้าวต้มกับผักดอง ซึ่งแทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหาร เด็กจะผอมเพราะขาดวิตามินบีหนึ่ง ทำให้มีอาการชาปลายมือ ปลาย เท้า กล้ามเนื้อไม่มีแรงเพราะปลายประสาทไม่ทำงาน ถ้าเป็นมากๆ อาจลุกลามไปถึงหัวใจ ทำให้มีการบวมทั้ง 2 ข้าง เพราะกล้ามเนื้อหัวใจทำงานไม่ดี ถ้าเป็นมากจะหอบเหนื่อย และถึงตายได้

โรคคอพอก

โรคคอพอก พบมากใน 9 จังหวัดภาคเหนือ และยังถือว่าเป็นปัญหาอยู่ในบางหมู่บ้านแถวแพร่ ลำปาง ยังมีปัญหาในเด็กวัยเรียน บางโรงเรียนเด็กเป็นคอพอกถึงร้อยละ 70 บางหมู่บ้าน ทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงคนจะต้องโต คนไหนคอไม่โต ไม่สวย คือเป็นกันหมด เลยถือว่าเป็นธรรมชาติ คอพอกนั้นเกิดจากการขาดไอโอดีน เมื่อขาดไอโอดีนมากๆก็เลยทำให้ต่อมทำงานมากขึ้นๆ มันก็โตขึ้น พอโตขึ้นก็กดคอ กดการกลืนอาหาร กลืนอาหารไม่สะดวก หายใจไม่สะดวก ไอโอดีนช่วยในการสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ทำให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้สมองทำงานได้ปกติ ถ้าขาดไอโอดีนก็ทำให้ร่างกายแคระแกร็น คอพอก คอโต ถ้าแม่ขาดไอโอดีนขณะตั้งท้อง ลูกเกิดมาจะหูหนวก เป็นใบ้ ปัญญาทึบ ปัญหานี้กระทรวงสาธารณสุขได้แก้ไขโดยการผลิตเกลืออนามัย เอาเกลืออนามัยที่มีไอโอดีนเผยแพร่ แทนที่จะกินเกลือสินเธาว์ที่ไม่มีไอโอดีน

ขณะนี้โรคคอพอกพบน้อยลงมาก แต่ก็ยังมีในชุมชนภาคเหนือ 9 จังหวัด ถ้าท่านไปเยี่ยมเด็กในโรงเรียน เห็นเด็ก 5, 6 ขวบ ถึง 12 ขวบมีก้อนที่คอ ก็แสดงว่าชุมชนนั้นยังมีปัญหา ปัญหานี้แก้ได้โดยกินเกลืออนามัย ไอโอดีน นอกจากจะมีในเกลืออนามัยแล้ว ยังมีมากในอาหารทะเล แต่การกินอาหารทะเลทุกวันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอยู่ไกลทะเล แต่ถ้ากินอาหารทะเลได้ก็ดี ไอโอดีนมีมากในหอยทะเล ปลาทู ปลาทะเลต่างๆ

สำหรับเกลืออนามัยนั้นหาง่าย โดยนำเกลือมาปรุงอาหาร นำเกลือมาหมักปลา แล้วเกลือที่เรากินเข้าไปก็จะได้ไอโอดีนเอง สำหรับคนแก่ๆ ที่สูงอายุมีคอพอก ก็คงต้องปล่อยไป เราคงช่วยได้ยาก หมายถึงช่วยในแง่ที่จะให้ยุบ เพราะโตจนกระทั่งเกิดพังผืดแล้วไม่ยุบแน่ นอกจากมีอาการกลืน หรือหายใจลำบาก

โรคปากนกกระจอก

โรคปากนกกระจอก ปัญหานี้พบได้ในเด็กวัยเรียน ในแม่ที่ตั้งครรภ์และให้นมลูก หรือในคนเจ็บป่วยปากนกกระจอกเกิดจากการขาดวิตามินบีสอง วิตามินนี้มีมากในตับ ในเนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และในนม โดยเฉพาะในนมแม่มีมาก เด็กที่เป็นปากนกกระจอกจะเห็นว่าขาดอาหารหมู่ 1 และหมู่ 5 คือ ขาดโปรตีนและพลังงานด้วย เด็กพวกนี้กินอาหารพวกเนื้อสัตว์ไม่พอ ผักก็ไม่พอ ปากนกกระจอกถ้าเป็นมากๆจะทำให้ริมฝีปากบวม มีอาการแสบปาก กินอาหารไม่ได้ โรคนี้น่าสนใจในแง่เป็นแล้วไม่ตาย แต่มันเป็นเครื่องชี้ว่าโรงเรียนนี้แย่ ชุมชนนี้แย่ พ่อแม่ก็แย่ น่าขายหน้า เป็นเครื่องชี้ว่าทางบ้านคงมีอาหารการกินไม่ดี ไม่สมบูรณ์ กินไม่เป็น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ยังมีปัญหานี้มาก ท้องถิ่นที่มีสหกรณ์โคนม นมที่ได้ควรแบ่งให้ลูกกินบ้าง หรือเวลาเลี้ยงไก่ ควรให้ลูกกินตับไก่บ้าง นอกจากป้องกันปากนกกระจอกแล้ว ยังป้องกันตาบอดได้ด้วย ผักใบเขียวที่ปลูกควรกินเป็นประจำด้วย จะป้องกันโรคนี้ได้

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

ในเด็กทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ยังพบเห็นในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี จะมีอาการปัสสาวะขัด หรือปัสสาวะมีกรวดทราย หรือเป็นเลือด พอเอกซเรย์ดูก็เห็นนิ่ว เกิดขึ้นเพราะได้อาหารหมู่หนึ่งไม่พอ ทำให้ขาดเกลือแร่ ฟอสฟอรัส และเด็กเหล่านี้ยังดื่มน้ำน้อย กินผักที่ไม่ใช่ผักใบเขียวธรรมดา เช่น ผักติ้ว ผักอีฮิน เป็นต้น ทำให้มีสารที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว

นอกจากนี้การเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น เป็นไข้ ท้องเสีย ทำให้มีการขาดน้ำและปัสสาวะเข้ม ก็มีส่วนเสริมทำให้เกิดนิ่วง่ายขึ้น การป้องกันคงต้องเพิ่มให้เด็กได้กินอาหารหมู่ 1 ให้มากๆ

21 กุมภาพันธ์ 2561 - ศูนย์การเรียนรู้ สสส.

newscms thaihealth c cgjmpqrt2456

"มะเร็งปากมดลูก" คือโรคสตรีที่สามารถเฝ้าระวังได้และเป็นหนึ่งในจำนวนโรคไม่กี่โรคที่เป็นการตรวจร่างกายประจำปี มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดของมะเร็งในหญิงไทย รองลงมาคือมะเร็งโพรงมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่ สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกนั้นปัจจุบันพบว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (human papilloma-HPV) ชนิด 16 และ 18 เป็นส่วนใหญ่

ดังนั้น หญิงที่มีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีสามีที่มีคู่นอนหลายคน เป็นต้นเหตุให้เกิดการรับเชื้อเอชพีวีจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ หรือเคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์ เริม ซิฟิลิสหรือหนองใน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงด้วย เคยมีคำกล่าวว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง นอกจากเชื้อไวรัสเอชพีวีแล้ว ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ เศรษฐฐานะต่ำ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกด้วย

อาการของมะเร็งปากมดลูกมักจะพบมากที่สุด คือ อาการเลือดออกทางช่องคลอด อาจจะออกกะปริบกะปรอย มีตกขาวปนเลือด มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ในระยะท้ายจะมีอาการขาบวม ปวดก้นกบ ปัสสาวะ อุจจาระเป็นเลือด ถ้าผู้ป่วยมีอาการดังกล่าว โอกาสรักษาหายจะเหลือน้อย ประมาณร้อยละ 20-30 เท่านั้น แต่ถ้ามะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มแรกนั้นมักจะไม่มีอาการใดๆ ถ้าสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรก จะรักษาหายได้ถึงร้อยละ 70-80 ทีเดียว การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแพ็ปสเมียร์ สามารถทำการตรวจได้ง่าย

การตรวจแพ็ปสเมียร์ (Pap smear) นั้น แพทย์จะเก็บเซลล์ที่ผิวจากบริเวณช่องคลอดส่วนบน บริเวณปากมดลูกด้านนอก และบริเวณปากมดลูกด้านใน แล้วป้ายลงบนแผ่นสไลด์ แช่ในน้ำยาที่เป็นกรดทันที เพื่อนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจดูว่ามีเซลล์ผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบเซลล์ผิดปกติ ก็จะต้องสั่งตรวจด้วยกล้องส่องตรวจปากมดลูกแล้วตัดชิ้นเนื้อเล็กน้อยจากบริเวณที่มองเห็นจากกล้องว่าเป็นบริเวณที่น่าจะผิดปกติมากที่สุด ผลการตรวจชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวจะสามารถบอกได้ว่าเป็นเซลล์ผิดปกติระดับใด หรือมีเซลล์ที่กลายเป็นมะเร็งแล้ว จากนั้นทำการรักษาตามที่ได้วินิจฉัย

ถ้าเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรก การผ่าตัดเฉพาะปากมดลูกเป็นรูปกรวยหรือโคน (Cone shape) เป็นการผ่าตัดที่รักษาพร้อมกับการวินิจฉัยและบอกระยะของโรคไปพร้อมกัน อาจจำเป็นต้องผ่าตัดมดลูกออกเสีย การผ่าตัดเพียงอย่างเดียวจะรักษาหายได้ถึงร้อยละ 80 ในมะเร็งระยะแรก แต่ถ้าผลเนื่องจากการผ่าตัดรูปกรวยหรือตัดมดลูกแล้วพบว่ามีการกระจายไปแล้ว จำเป็นต้องรักษาโดยวิธีฉายรังสีเพื่อรักษา หรือถ้ากระจายมากขึ้นก็จะให้การรักษาโดยวิธีเคมีบำบัดต่อไป

ดังนั้น การตรวจแพ็ปสเมียร์จึงมีความสำคัญมากและจำเป็นจะต้องได้รับการตรวจทุก 6 เดือน ตั้งแต่หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไปปัจจุบันพบมะเร็งปากมดลูกในอายุที่น้อยลง ประมาณอายุ 20 ปีขึ้นไปก็พบได้แล้ว การตรวจแพ็ปสเมียร์นั้น แพทย์จะมีการตรวจภายในร่วมกันไปด้วย โดยตรวจบริเวณมดลูกว่ามีขนาดมดลูกโตกว่าปกติ เป็นเนื้องอกมดลูกหรือไม่ คลำบริเวณข้างมดลูกทั้ง 2 ข้าง เพื่อตรวจว่าจะคลำได้ก้อนเนื้อหรือถุงน้ำหรือไม่ บริเวณดังกล่าวทั้ง 2 ข้างเรียกว่า ปีกมดลูก ซึ่งประกอบด้วย รังไข่ และท่อรังไข่ทั้ง 2 ข้าง ถ้าพบว่ามีความผิดปกติจากการตรวจภายใน แพทย์จะส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ (เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง) การตรวจเลือดและการตรวจพิเศษอื่นๆ

ดังนั้น ขอแนะนำให้หญิงไทยหมั่นตรวจแพ็ปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอ สังเกตอาการเลือดออกผิดปกติหรือตกขาวผิดปกติจากช่องคลอด และมีการจดบันทึกประจำเดือนและการคุมกำเนิดให้เป็นนิสัย เพื่อให้สามารถตรวจพบโรคมะเร็งและความผิดปกติอื่นในอุ้งเชิงกรานได้แต่เนิ่นๆ

22 กุมภาพันธ์ 2561 - ศูนย์การเรียนรู้ สสส.

newscms thaihealth c bfgjnpvx5689

สมรรถภาพของร่างกายไม่ว่าความแข็งแรงหรือความทนทาน ความว่องไว เป็นต้น จะมีสูงสุดเมื่ออายุประมาณ ๓๐ ปี แล้วจะค่อยลดลงร้อยละ ๑ ทุกปี ดังนั้น เมื่ออายุ ๖๐ ปีแล้ว จะมีความแข็งแรงลดลงร้อยละ ๓๐ เมื่ออายุ ๓๐ ปี โดยเฉลี่ย การออกกำลังกายจะสามารถชะลอการลดลงของความแข็งแรงได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น

ผู้สูงอายุจำเป็นต้องออกกำลังอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีหลักดังต่อไปนี้

๑. ถ้าไม่เคยออกกำลัง จะต้องศึกษาหลักการ ให้ถูกต้องและค่อยๆ ทำ อย่าหักโหม ถ้าหากมีโรคประจำตัว ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

๒. เลือกชนิดของการออกกำลังให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและถูกกับนิสัย

๓. อย่าแข่งขันกับผู้อื่น เพื่อเอาแพ้เอาชนะ แต่จะออกกำลังกายเพื่อกำลังกายของตนเอง

๔. ระวังอุบัติเหตุ

๕. ทำโดยสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ ๓-๔ ครั้ง

๖. เมื่อเกิดอาการผิดปกติอย่างใดควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะถ้ามีอาการหน้ามืดหรือใจสั่นผิดปกติ ควรชะลอการออกกำลังลงและหยุด

๗. ควรออกกำลังเป็นหมู่คณะ หรือมีเพื่อนร่วมการออกกำลัง

ชนิดของการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุมีหลาย ชนิดดังนี้

๑. การเดิน

การเดินเป็นวิธีการออกกำลังที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ (ยกเว้นแต่ผู้สูงอายุที่มีความพิการของเท้าและข้อ ทำให้ลำบากในการเดิน)

มีข้อที่ต้องปฏิบัติคือต้องเดินเร็วให้เกิดการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หากเดินเร็วมากไม่ได้ ต้องเพิ่มเวลาการเดินให้มากขึ้น ควรใช้รองเท้าที่เหมาะสม เนื่องจากการเดินเป็นการออกกำลังแต่ส่วนเท้าเป็นส่วนใหญ่ขณะเดินมีการแกว่งแขนและบริหารกล้ามเนื้อคอและหน้าอกบ้าง พยายามเดินบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ปลอด-ภัยจากโจรผู้ร้าย และอุบัติเหตุ พยายามเดินตอนเช้ามีเพื่อนหรือกลุ่มร่วมในการเดิน จะช่วยให้เกิดความสนุกสนานยิ่งขึ้น

๒. การวิ่งช้าๆ

การวิ่งต่างกับการเดินคือ การเดินจะมีเท้าข้างใดข้างหนึ่งแตะพื้นอยู่เสมอ ส่วนการวิ่งจะมีช่วงใดช่วงหนึ่งที่เท้าไม่แตะพื้น

ผู้สูงอายุถ้าสามารถวิ่งได้ก็ไม่มีข้อห้ามที่จะไม่ให้วิ่ง แต่จะต้องมีข้อเท้าที่ดี (เพราะการวิ่งจะมีแรงกระแทกที่ข้อมากกว่าการเดิน อาจทำให้บาดเจ็บได้) รวมถึงการสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม

๓. กายบริหารท่าต่างๆ

กายบริหารท่าต่างๆ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ แต่ควรจะต้องบริหารให้เกิดผลถึงระดับหัวใจเต้นเพิ่มขึ้น

๔. การรำมวยจีน

หลักการของการรำมวยจีนคือ การเคลื่อนไหวช้าๆ แต่ใช้เวลาและสมาธิด้วย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ แต่ต้อง มีครูผู้ฝึกที่ดี มีกลุ่มที่เหมาะสมและต้องใช้เวลาปฏิบัติอย่างจริงจัง ผู้ที่ปฏิบัติหลายคนที่ผู้เขียนได้พบปะและ   รู้จักมีสุขภาพและแข็งแรงดีอย่างน่าประหลาด

๕. โยคะ

การฝึกโยคะเป็นการออกกำลังผสมกับควบคุมการหายใจให้เข้าจังหวะกัน ต้องมีครูฝึกที่รู้จริง ถ้าปฏิบัติอย่างจริงจังก็ให้ประโยชน์สูง

๖. ชนิดของการออกกำลังมีมากมายรวมทั้งกีฬาชนิดต่างๆ ทุกอย่าง

การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละคนมีประโยชน์ทั้งนั้น ที่สำคัญจะต้องรู้หลักการออก- กำลังกายแต่ละชนิด ทำท่าที่ถูกต้อง และออกกำลังสม่ำเสมอตามสภาพของร่างกาย ไม่หักโหม ไม่รุนแรง ไม่แข่งขัน ก็จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี

ขอให้เลือกชนิดการออกกำลังที่ตัวชอบและเหมาะกับสถานภาพ จะทำให้การออกกำลังกายมีความอภิรมย์และยืนยาว

21 กุมภาพันธ์ 2561 - ศูนย์การเรียนรู้ สสส.